fbpx
Skip to content Skip to footer

Proof Of Stake vs Proof Of Work ต่างกันตรงไหนและสร้าง Passive Income ได้อย่างไร

proof of stake

Proof Of Stake กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ของสินทรัพย์ดิจิทัลที่จะสามารถสร้าง Passive Income ได้โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนกับเครื่องขุดและค่าไฟฟ้าที่แสนแพง

เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสิ่งที่อยู่บนบล็อกเชนซึ่งเป็นโลกสาธารณะ วิธีการได้มาซึ่งสินทรัพย์ดิจิทัลโดยเฉพาะบิทคอยน์ จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับการพิสูจน์ยืนยันตัวตน (Proof) ด้วยการจับคู่ธุรกรรมจนเกิดเป็นบล็อกใหม่และผู้ที่ทำการพิสูจน์ยืนยันก็จะได้สินทรัพย์ดิจิทัลนั้น

ซึ่งแต่เดิมนั้นวิธีการได้มานั่นคือวิธีการที่เรียกว่า Proof Of Work หรือการทำงานบางอย่างเพื่อให้ได้สินทรัพย์ดิจิทัลมาไว้ครอบครอง

Proof Of Work ที่รู้จักกันดีนั่นคือการขุด (Mining) อย่างที่ได้อธิบายไปแล้วว่าการขุดคือการถอดรหัสหรือถอดโค้ดที่ถูกเขียนขึ้นมาและเมื่อถอดได้ก็จะเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นๆไป 

แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการทำ Proof of Work นั่นคือต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ต้องใช้มหาศาล เนื่องจากการถอดรหัสหรืออัลกอริทึมนั้นต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งยังทำให้เกิดภาวะโลกร้อนตามมา

ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลที่เกิดขึ้นใหม่จึงหันมาใช้วิธี Proof of Stake ขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหา โดยการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาวางไว้ในบล็อกเชนของเหรียญนั้นๆเพื่อที่ระบบจะทำการสุ่มยืนยันธุรกรรม เท่ากับว่าผู้ที่นำเหรียญมาฝากไว้จำนวนมากก็มีโอกาสที่จะถูกสุ่มเจอและได้รับรางวัลเป็นเหรียญนั้นๆมากขึ้น

ข้อดีของ Proof of Stake คือโดยรวมใช้พลังงานน้อยกว่ามาก จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายต่ำ ทั้งยังเพิ่มการกระจายออกจากศูนย์กลางเพราะไม่มีความจำเป็นต้องใช้พูลขุดเหรียญอีกด้วย

เหรียญที่เกิดขึ้นใหม่ๆหลังบิทคอยน์ต่างใช้วิธีProof of Stakeในการได้มาทั้งสิ้นและเร็วๆนี้ Ethereum กำลังจะอัพเกรดตัวเองใหม่ให้เป็น Ethereum2.0 ซึ่งจะเปลี่ยนมาใช้วิธีการProof of Stakeแล้วเช่นกัน เท่ากับว่าในอนาคตเราจะไม่ค่อยได้เห็นการขุดสินทรัพย์ดิจิทัลอีกแล้ว (บิทคอยน์ยังขุดได้อยู่แต่ก็จะยากขึ้น)

การเกิดขึ้นของProof of Stakeยังทำให้เกิดแนวทางการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอีกรูปแบบหนึ่งนั่นคือการทำ Staking กล่าวคือเรานำเอาสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีProof of Stakeนำมาฝากไว้บนแพลตฟอร์มที่มีบริการ Staking ซึ่งก็คือพวก Exchange ทั้งหลายนั่นเอง

จากนั้นก็รอรับผลตอบแทนจากการที่เป็นผู้ยืนยันธุรกรรมบล็อกเชนให้ คล้ายกับการฝากเงินไว้ในธนาคารเพื่อรับดอกเบี้ยนั่นเอง โดยยิ่งเราฝากเหรียญไว้มากเท่าไรก็มีโอกาสรับผลตอบแทนสูงขึ้นและฝากไว้นานๆโดยที่ยังไม่ถอนออกไปเราก็จะได้รับรางวัลไปเรื่อยๆ เป็นการสร้างผลตอบแทนแบบ Passive Income อย่างหนึ่ง

อย่างไรก็ตามผลตอบแทนที่ได้นั้นอาจจะไม่ได้สม่ำเสมอเพราะมีหลากหลายปัจจัยที่ทำให้ผลตอบแทนที่จะได้มีความผันผวน

Leave a comment

เกี่ยวกับ SuperCryptoNews

สื่อชั้นนำด้านบล็อกเชนและคริปโตในภูมิภาคเอเชีย นำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างรอบด้านและเจาะลึก ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสิงคโปร์และประเทศไทย

สมัครรับข่าวสารจาก SCN