- BlackRock ได้ยื่นเอกสารต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) เพื่อจดทะเบียนเปิดตัวกองทุน iShares Blockchain และกองทุน Tech ETFซึ่งจะลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ “การพัฒนา นวัตกรรม และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อคเชนและคริปโต”
- หากเปิดตัว ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวของ BlackRock จะเป็นกองทุนแรกที่เชื่อมโยงกับ คริปโตในกลุ่มผู้ออกกองทุน ETF รายใหญ่ที่สุดของโลก
ท่ามกลางการล่มสลายของคริปโตรวมมูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ BlackRock ผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของโลก (-3.10%) กำลังผลักดันแผนการที่จะเสนอกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล
BlackRock ซึ่งมีทรัพย์สินในการบริหารจัดการสูงถึง 10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ได้ยื่นเอกสารต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) เพื่อจดทะเบียนเปิดตัวกองทุน iShares Blockchain และกองทุน Tech ETFซึ่งจะลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ “การพัฒนา นวัตกรรม และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อคเชนและคริปโต”
หากเปิดตัว ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวของ BlackRock จะเป็นกองทุนแรกที่เชื่อมโยงกับ คริปโตในกลุ่มผู้ออกกองทุน ETF รายใหญ่ที่สุดของโลก
เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาปฏิเสธการสมัครซ้ำเพื่อเปิดตัวกองทุน Bitcoin ETF บรรดาผู้ที่ต้องการเปิดตัวกองทุนต่างต้องเลี่ยงการคัดค้านของผู้กำกับดูแลและเปิดตัวผลิตภัณฑ์โดยอิงจาก Bitcoin Futures หรือผลิตภัณฑ์เฉพาะเรื่อง เหมือนเช่นที่ BlackRock กำลังดำเนินการอยู่ในเวลานี้
ผลลัพธ์ดังกล่าวทำให้จำนวนกองทุน ETF ที่เชื่อมโยงกับคริปโตเพิ่มขึ้นเป็น 15 กองทุน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กระนั้นก็ยังถือว่ามีน้อยกว่าเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ
แน่นอนว่า เหตุผลส่วนหนึ่งที่ไม่มีผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมเป็นเพราะการพิจารณาของ SEC ที่เกี่ยวกับกองทุน ETF ของสกุลเงินดิจิทัล โดยเห็นว่าเป็นสิ่้งที่หน่วยงานกำกับดูแลสมควรหวั่นเกรงและเป็นหัวข้อที่ต้องมีการจัดการ
อย่างไรก็ตามแต่อเมื่อสำนักงานคณะกรรมการSECและฝ่ายบริหารของ Biden ดำเนินการเพื่อให้กฎระเบียบเพิ่มเติมสำหรับภาคสกุลเงินดิจิตอล กรอบการทำงานที่ครอบคลุมอาจเห็นการเพิ่มขึ้นของจำนวน ETF ที่เสนอ
ขณะที่ นักลงทุนหัวอนุรักษ์นิยมจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ต้องการได้รับความเสี่ยงอย่างน้อยบางส่วนจากคริปโตเคอร์เรนซี โดยไม่จำเป็นต้องถูกพัดพาไปจากความผันผวนอาจต้องการซื้อกองทุน ETF ของบริษัทคริปโตในสิ่งที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นการค้าแบบ “picks and shovels” (กลยุทธ์การลงทุนประกอบด้วยการซื้อหุ้นในเครื่องมือหรือบริการที่อุตสาหกรรมใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์)
ทั้งนี้ สันนิษฐานได้ว่าเนื่องจากการแลกเปลี่ยนคริปโตและผู้ให้บริการรายอื่น ๆ ทำกำไรโดยไม่คำนึงถึงทิศทางที่ราคาคริปโตที่กว้างขึ้น นักลงทุนจะได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมโดยรวม โดยไม่จำเป็นต้องประสบกับความผันผวนที่มีอยู่ในตัวของคริปโตเคอร์เรนซีเอง
อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยหุ้นของบริษัทคริปโตที่ดิ่งลงคู่ไปกับหุ้นสหรัฐอื่น ๆ และราคาเหรียญคริปโตที่ถอยกลับ ทาง Coinbase Global (-13.38%) ซึ่งเป็นบริษัทแลกเปลี่ยนคริปโตรายเดียวที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ได้เห็นราคาหุ้นตกต่ำและมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับราคาของบิทคอยน์
ทั้งนี้ ยังคงต้องจับตาดูว่ากองทุน ETF ของบริษัทคริปโตสามารถนำเสนอคริปโตได้เต็มรูปแบบ ชนิดมีแต่เนื้อเน้นๆ ไม่มีน้ำหรือไขมันแทรก
ส่วน นักวิเคราะห์บางคนชี้ไปที่การคลายตำแหน่งที่ยกระดับเป็นโอกาสที่ดีที่จะระเหยฟองบางส่วนในตลาดสกุลเงินดิจิตอลและรวมเข้าด้วยกันเพื่อผลักดันระดับสูงสุดระลอกใหม่
โดยเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ตำแหน่งฟิวเจอร์ส crypto บางส่วนมีมูลค่า 1,100 ล้านดอลลาร์ถูกชำระบัญชี
แต่การจัดการเชือดครั้งนี้ก็สร้างความหวังให้กับกลุ่มนักลงทุนสถาบัน
นักลงทุนสถาบันมักไม่ชอบที่จะเข้าสู่ตลาดที่จุดสูงสุด และเมื่อตลาด crypto เข้าสู่โหมดการยอมจำนนแล้ว จะเห็นว่าพวกเขากลับมาเป็นจำนวนมากเพราะหลายคนตระหนักดีว่าประเภทสินทรัพย์จะไม่หายไป
เปรียบได้กับกรณีของฝุ่นละออง ที่แม้ว่าฝุ่นจะจางลง แต่ก็มีตัวชี้วัดทางเทคนิคที่สำคัญที่แสดงให้เห็นว่าสิ่งต่าง ๆ อาจจะกำลังมองหา Bitcoin โดยที่ค่าเงินดิจิตอลที่ลดลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทำให้เกิดการลดลงต่ำกว่าระดับล่างของซองซื้อขาย ซึ่งตามธรรมเนียมแล้วแสดงให้เห็นว่าการขายอาจเป็นไปได้ มากเกินไป
