คาดนักลงทุนเตรียมรับการเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นเต้นในรอบสัปดาห์นี้

 

• สัปดาห์นี้จะมีการประกาศเปิดตัวกลไการลงทุนตัวใหม่ของตลาดคริปโตอย่าง CME Ether Futures ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 8 ก.พ. 2021
• มีการคาดการณ์ว่า การเปิดตัวสู่สาธารณะชนเป็นครั้งแรกของ CME Ether Futures อาจจะทำให้ราคา Etereum ผันผวนมากขึ้น
• นับตั้งแต่ตลาดตกอยู่ในสภาวะผันผวนหนักเมื่อวันที่ 7 ก.พ. นักวิเคราะห์ต่างคาดหวังว่าสถานการณ์ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีโดยทั่วไปจะยังเข้าสู่ระยะปรับฐาน 
• ราคาของบิทคอยน์ร่วงลงมาอยู่ที่ราว 37,000 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนหันนำเงินลงทุนนตลาดหุ้น (ขณะที่เงินที่ไหลเข้าบิทคอยน์ส่วนใหญ่มาจากการที่เทรดเดอร์หวังช้อนซื้อบิทคอยน์ในราคาถูก)
• นักวิเคราะห์มองว่าความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเป็นการปรับฐานที่ดีและเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในการเติบโตในระยะยาว
• ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ก็คาดหวังว่า DeFi token จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็วแซงหน้าสกุลเงินคริปโตตัวอื่นๆ อย่าง BTC และ ETH โดยเชื่อว่าปี 2021 นี้จุเป็นยุคทองการลงทุนใน DeFi อย่างน้อยก็เป็นโอกาสดีสำหรับโครงการต่างๆ ของ DeFi

 

ความเห็นโดยรวมเกี่ยวกับตลาด 

สืบเนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ กำลังอยู่ในระหว่างการเดินหน้าผลักดันให้เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไปหลังได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมุ่งเน้นในให้เกิดการจ้างงานเพิ่มมากขึ้นและลดปัญหาเรื่องภาวะเงินเฟ้อ

รายงานระบุว่า แม้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเป็นเรื่องดีสำหรับชาวอเมริกัน แต่ก็ถือเป็นข่าวร้ายสำหรับตลาดในระยะยาว  

แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นว่าสหรัฐฯ ทั้งประเทศ ยกเว้นฐานการผลิตของตัวเองเปลี่ยนไป กระนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯทั้งหมดเติบโตขึ้นโดยการพึ่งพาการเติบโตของอัตราเงินเฟ้อของสินทรัพย์เพื่อรับรู้ถึงความมั่งคั่ง

แต่ขณะเดียวกัน นักลงทุนก็เพียงแต่ไหลไปตามกระแสของตลาด ที่หลายฝ่ายมองว่ากำลังขึ้นแบบไม่รั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ แม้ในขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจจริงๆ จะอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษก็ตาม

สำหรับในภูมิภาคเอเชีย หุ้นในตลาดส่วนใหญ่ต่างปรับตัวขึ้นในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ โดยดัชนีนิกเคอิ 225 Nikkei 225 (+1.74%), ดัชนี ASX 200 ของตลาดซิดนีย์ (+0.76%) และดัชนีฮั่งเศ็งของฮ่องกง (+1.16%) ต่างปรับตัวขึ้นในแดนบวก ขณะที่ดัชนีคอสปิของเกาหลีใต้กลับปรับตัวติดลบ  (-0.64%) อันเป็นผลจากการขาดทุนของบรรดาค่ายรถยนต์รายใหญ่ของประเทศ