ผู้บริหาร บล.ทรีนีตี้ (Trinity) ควงแขนเปิดใจ เผยมุมมองก้าวใหม่ของตลาดเงิน ตลาดทุน ที่ไม่ปิดกั้นแค่สินทรัพย์รูปแบบเดิม ๆ พร้อมเป็นสะพานเชื่อมสู่โลกอนาคต ให้คำแนะนำแก่นักลงทุน เดินหน้าส่งต่อความเข้าใจในสินทรัพย์ดิจิทัล
“เราจะมองข้ามบิทคอยน์ไม่ได้อีกต่อไป”
นายภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน) และในฐานะผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ เผยทิศทางการลงทุนในอนาคต ที่ไม่จำกัดเพียงแค่หุ้น น้ำมัน หรือทองคำ แนะนำถึงสินทรัพย์ชนิดใหม่ที่มาในรูปแบบดิจิทัลอย่าง “บิทคอยน์” ที่ปัจจุบันมีมูลค่าการเทรดกว่า 80% ของมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดในโลก เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจแก่นักลงทุน โดย บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ จำกัด ได้มีการติดตามและมองเห็นถึงศักยภาพมูลค่าการเติบโตของ “บิทคอยน์” ซึ่งเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ดิจิทัล หรือที่เรียกว่าคริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency) และกำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนที่มองเห็นโอกาสของเทคโนโลยี และไม่จำกัดแค่การลงทุนในสินทรัพย์ดั้งเดิม
“ปัจจุบันบิทคอยน์ เป็นที่ยอมรับมากขึ้น เห็นได้จากการที่มีสถาบันทางการเงินเจ้าใหญ่ ๆ เริ่มเข้ามามีบทบาท โดยล่าสุด Paypal หนึ่งในผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการรับชำระเงินระดับโลกได้เพิ่มบริการซื้อและถือครองบิทคอยน์ผ่าน Wallet หรือประเทศญี่ปุ่นที่มีการยอมรับการรับชำระเงินได้ด้วยบิทคอยน์ รวมทั้งใช้บิทคอยน์แทนการใช้เครดิตการ์ด หรือแม้แต่ประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งวาณิชธนกิจ (Investment Banking) หรือกองทุน (Endowment Fund) ของมหาวิทยาลัยก็เริ่มมีสัดส่วนการลงทุนในบิทคอยน์มากขึ้นตามลำดับ”
นายภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน)
“แบ่งสัดส่วนในการลงทุน เพิ่มโอกาสในการทำกำไร”
“จากรายงานของ Buyshare.co พบว่าหากเปรียบเทียบย้อนหลัง 5 ปี จะพบว่าการลงทุนในบิทคอยน์ให้ผลตอบแทน ROI สูงกว่าถึง 70 เท่า หากเทียบจากตลาดหุ้นใหญ่ทั่วโลกอย่าง FTSE, NIKKEI, Dow Jones, S&P500 และ NASDAQ ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูงสุด หากเทียบกับสินทรัพย์แทบทุกตัว”
นายชาญชัย กงทองลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวว่าบล.ทรีนีตี้ ได้แนะนำให้แบ่งสัดส่วน 1-5% จากมูลค่าการลงทุนทั้งหมด เพื่อลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างบิทคอยน์ พร้อมให้คำแนะนำโดยใช้หลัก Technical Analysis แนะนำราคาที่เหมาะสมแก่การเข้าซื้อ-ขายในระยะกลางและระยะยาว โดยเน้นที่การซื้อสะสมแต่น้อยในลักษณะ (DCA: Dollar Cost Average) ทยอยซื้อในแต่ละเดือนในจำนวนเท่าๆ กัน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุน
นับได้ว่าทรีนีตี้ถือเป็นบริษัทหลักทรัพย์แห่งแรกที่มีการแนะนำให้ลงทุนในสินทรัพย์ชนิดใหม่นี้ โดยมองว่าบิทคอยน์จะเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่นักลงทุนควรเริ่มศึกษาและเป็นอีกทางเลือกหนึ่งเช่นเดียวกับทองคำ
“เทรดบิทคอยน์ได้ไม่ต้องกังวล”
ทรีนีตี้เราจะเป็นเสมือนสะพานเชื่อมการลงทุนแบบเดิม ไปสู่การลงทุนในสินทรัพย์รูปแบบใหม่ที่จะช่วยเสริมความรู้ ความเข้าใจ ให้แก่นักลงทุน เพื่อให้สะพานการลงทุนมีฐานที่มั่นคง นักลงทุนเกิดความมั่นใจที่จะก้าวข้ามไปสู่อีกฝากฝั่ง ทรีนีตี้จะมีเจ้าหน้าที่การตลาด ที่จะคอยให้บริการแก่นักลงทุนในการช่วยเปิดบัญชี ซึ่งอาจจะมีขั้นตอน วิธีการ ที่นักลงทุนยังไม่คุ้นเคย รวมทั้งแนะนำวิธีส่งคำสั่งซื้อ-ขาย ที่ไม่ได้ยากเกินการเรียนรู้ นอกจากนี้จะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก และฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์จะช่วยติดตามราคา และให้คำแนะนำจังหวะในการเข้าซื้อ และขาย เมื่อถึงจังหวะที่เหมาะสม
“รูปแบบในการระดมทุน และการกระจายมูลค่าของสินทรัพย์กำลังจะเปลี่ยนไป”
การออก IPO (Initial Public Offering) หรือหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกขายแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก หนึ่งในช่องทางการระดมทุนผ่านตลาดเงินในปัจจุบันกำลังจะเปลี่ยนไป เพราะการระดมทุนนี้อาจไม่ได้ตอบโจทย์แก่บริษัทที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก และต้องการระดมทุนเร็ว จึงทำให้เกิดช่องทางในการระดมทุนรูปแบบใหม่ อย่างเช่นการออก ICO (Initial Coin Offering) หรือ STO (Securities Token Offering) ที่ใช้เวลาน้อยกว่า ขั้นตอนน้อยกว่า สะดวกกว่า แถมยังสามารถระดมทุนได้จากทั่วโลกไม่จำกัดเพียงแค่ภายในประเทศไทย หรือแม้แต่การ Tokenized ที่แปลงมูลค่าของทรัพย์สินต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล เพิ่มอำนาจในการกระจายมูลค่าและการถือครอง โดยประเทศไทยของเราเป็นประเทศแรกที่มีการออกกฎหมายและ พ.ร.ก. เพื่อคุ้มครองนักลงทุนอย่างจริงจัง ปัจจัยเหล่านี้เองที่ทำให้เราต้องศึกษาและพร้อมรับมือกับเทรนด์การลงทุนของโลกอนาคต
ที่มาข้อมูล : https://buyshares.co.uk/bitcoins-last-5-years-roi-is-70x-higher-than-average-return-of-five-major-indices/
