- รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตกเป็นเป้าโดนโจมตรีว่าต้องการพัฒนากรอบการทำงานที่ครอบคลุมมากขึ้นเพื่อจัดการกำกับดูแลและควบคุมคริปโตเคอร์เรนซี
- ความเคลื่อนไหวโดยทำเนียบขาวครั้งนี้ น่าจะได้รับการตอบรับเพื่อหลีกเลี่ยงการประยุกต์ใช้กฎระเบียบยิบย่อยที่ไม่สอดคล้องกันในปัจจุบันกับคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหลาย
เมื่อเทียบกับฉากหลังของความผิดปกติในกรุงวอชิงตันเกี่ยวกับเพดานหนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ราคาของบิทคอยน์ได้ทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างเงียบ ๆ เพื่อก้าวไปสู่สัปดาห์ที่ดีที่สุดในรอบหลายเดือน
แม้จะมีข่าวเศรษฐกิจมหภาพในเชิงลบออกมาจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงการปรับฐานหุ้นและพันธบัตรอย่างรวดเร็ว แต่บิทคอยน์กลับพุ่งขึ้นเป็น 54,500 เหรียญสหรัฐในช่วงสุดสัปดาห์ ดันให้หุ้นของบริษัทต่างๆ ตั้งแต่ Coinbase Global (-1.37%) ไปจนถึง Silvergate Capital (+7.20%) ซึ่งดำเนินการ Silvergate Bank ที่เป็นมิตรกับคริปโตเคอเรนซี ขยับปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย
และแม้ว่าธนาคารกลางจีน หรือ People’s Bank of China (PBOC) ได้ออกกฎหมายห้ามการทำธุรกรรมคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหมดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) กลับระบุชัดว่า ไม่มีเจตนาที่จะห้ามคริปโตเคอร์เรนซี ทำให้กลุ่มสินทรัพย์ที่เพิ่งจะตั้งไข่ได้ไม่นานอย่างคริปโตสามารถฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
ด้าน รายงานของ Bank of America (+0.50%) เรียกคริปโตเคอร์เรนซีว่าเป็นสินทรัพย์ที่ใหญ่เกินกว่าที่นักลงทุนจะมองข้ามได้ และนักวิเคราะห์บางคนชี้ไปที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้น เป็นการเติมเชื้อเพลิงให้กับเรื่องเล่าว่า bitcoin สามารถใช้เป็นเครื่องป้องกันเงินเฟ้อได้
ในรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว JPMorgan Chase & Co. (+0.076%) กล่าวว่ามีสัญญาณเบื้องต้นของการเปลี่ยนแปลงจากทองคำและกลายเป็น bitcoin ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เริ่มเกิดขึ้นใหม่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพิสูจน์แล้วว่าทั้งดื้อรั้น และ ดื้อดึง.
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจาก ViewBase บริษัทวิเคราะห์ พบว่า ความสนใจใน บิทคอยน์ ออปชั่น และฟิวเจอร์สในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลสำคัญก็เพิ่มขึ้นกว่า 1 ใน 5 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วยเช่นกัน
ราคาที่พุ่งสูงขึ้นสามารถส่งเสริมการเดิมพันแบบเลเวอเรจที่คริปโตเคอเรนซีมีพื้นที่มากขึ้นหลังราคาปรับตัวพุ่งทะยานขึ้น
ทั้งนี้ ในการแสดงความคิดเห็นกับทางบลูมเบิร์ก Steve Kolano หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนของ BNY Mellon Investor Solutions ทีมจัดการทรัพย์สินมูลค่าราว 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ระบุว่า,
“เราเชื่อว่าสกุลเงินดิจิทัลเป็นเทรนด์ที่น่าจะเกิดขึ้นและคงอยู่ต่อไป”
โดย Kolano ยังได้กล่าวเสริมถึงคลื่นของบรรดาธนาคารกลางรายใหญ่ที่หันมาจับมองสกุลเงินดิจิทัลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
“การแปลงเป็นดิจิทัล (digitization) นั้นเป็นเทรนด์ที่อาจดำเนินต่อไป และในหลายๆ ด้าน การเปลี่ยนแปลงลักษณะของคำสั่งกับสกุลเงินดิจิทัลและวิธีการทำธุรกรรมทางการเงินที่เกิดขึ้น”
