fbpx
Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์เผย จำนวนผู้ใช้คริปโตทั่วโลกทะลุ 100 ล้านรายแล้ว

มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ได้จัดทำรายงานการวิจัย Global Cryptoasset Benchmarking Study เผยว่า จำนวนผู้ใช้คริปโตเคอเรนซีทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่านับตั้งแต่ปี 2018 ที่มีผู้ใช้ 35 ล้านรายจนมาแตะ 101 ล้านรายในไตรมาสที่สามของปี 2020 นี้

รายงานดังกล่าวได้ทำการเน้นย้ำว่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมาจำนวนผู้ใช้คริปโตเคอเรนซี่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแม้การเติบโตแบบปีต่อปี (Year-on-Year) ของธุรกิจในเซกเตอร์อื่น ๆ จะลดลง โดยในปี 2019 การเติบโตลดลงเหลือเพียง 21% เมื่อเทียบกับปี 2018 ที่อยู่ที่ 57%

ขณะที่คริปโตเคอเรนซี่นั้นมีจำนวนผู้ใช้ในปี 2018 เติบโตมากถึง 189% ในช่วงสองปีที่ผ่านมาจากโดยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 5 ล้านคนในปี 2016 มาเป็น 35 ล้านคนในปี 2018 และทะลุ 100 ล้านคนไปแล้วในไตรมาสที่สามของปี 2020 นี้

โดยทางมหาวิทยาลัยฯได้เก็บข้อมูลจากจำนวนผู้ใช้สมัครใช้บริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซี่ไม่ว่าจะเป็นเว็บซื้อขาย (Exchange) หรือผู้ให้บริการกระเป๋าสตางค์ (Wallet) โดยพบว่ามีจำนวนแอคเคาท์มากถึง 191 ล้านแอคเคาท์

รายงานของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ยังสอดคล้องกับผลจากศึกษาของ UK Financial Conduct Authority ที่พบว่ามีประชากรจากทั่วโลกที่ครอบครองสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้นจากปี 2019 เป็นจำนวนกว่า 78% อีกด้วย

นอกจากนี้ แม้ในช่วงสองปีหลังจะมีการเตรียมความพร้อมและบริการให้แก่นักลงทุนรายใหญ่หรือสถาบันการเงินเข้ามาในวงการสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น แต่นักลงทุนรายย่อยก็ยังเป็นผู้ครองส่วนแบ่งตลาดจำนวนมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด

กราฟแผนภาพดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงกลุ่มนักลงทุนในแต่ละทวีป โดยสีดำหมายถึงนักลงทุนรายใหญ่ สีเหลืองหมายถึงกลุ่มธุรกิจหรือนักลงทุนสถาบัน และสีเทาคือไม่เปิดเผย

เราจะเห็นได้ว่า ทางภูมิภาคอเมริกาเหนือและยุโรปมีจำนวนนักลงทุนสถาบันมากถึง 30% ขณะที่ทวีปอื่น ๆ ก็ลดหลั่นกันมาตามลำดับ นี่น่าจะสะท้อนให้เห็นว่าเป็นผลจากกฎระเบียบและข้อบังคับที่ยังไม่แน่ชัดนักในหลาย ๆ ประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียอย่างอินเดียและจีน

อย่างไรก็ตาม ประเทศจีนถือเป็นฮอตสปอตใหญ่ของเหมืองขุดคริปโตเคอเรนซี่อย่างบิทคอยน์ ลูกค้าในรูปแบบบริษัทจำนวนมากในเอเชียจึงเป็นบริษัทที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจเหมืองขุดที่ต้องการโยกย้ายและขายเหรียญคริปโตฯเพื่อนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

โดยทางทีมผู้วิจัยเผยอีกว่า ปัจจัยด้านลบอย่างการปั่นตลาดและความผัวผวนที่ยังคงสูงอยู่ของตลาดคริปโตนั้นเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้นักลงทุนรายใหญ่ยังไม่กล้าจะเข้ามาในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเต็มตัว

อีกปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งผลให้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเช่นนี้น่าจะมาจากช่วงอายุของประชากรที่เปลี่ยนแปลงไป โดยคนรุ่นใหม่มีแนวโน้มว่าจะเปิดรับสินทรัพย์ดิจิทัลได้มากกว่าสินทรัพย์แบบเก่าอย่างเช่นหุ้นหรือทองคำ และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คนรุ่นใหม่เหล่านี้กำลังก้าวเข้าสู่วัยแรงงานที่สามารถทำงานเก็บเงินและสร้างความมั่งคั่งให้แก่ตัวเองได้มากขึ้นนั่นเอง

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: จำนวนผู้ใช้บิทคอยน์พุ่งทะลุจุดสูงสุดเก่าและมีแนวโน้มจะแยกตัวออกจากตลาดหุ้นเร็ว ๆ นี้

Leave a comment

เกี่ยวกับ SuperCryptoNews

สื่อชั้นนำด้านบล็อกเชนและคริปโตในภูมิภาคเอเชีย นำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างรอบด้านและเจาะลึก ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสิงคโปร์และประเทศไทย

สมัครรับข่าวสารจาก SCN