fbpx
Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

อัพเดท ETH2.0 จากงานสัมนา Ethereal Summit: Staking ยังเป็นหนึ่งในฟังก์ชันที่นักลงทุนเฝ้ารอ

ในวันที่สองของงานสัมนา Ethereal Summit ซึ่งในปีนี้ถูกจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ ได้มีการเปิดเผยถึงรายละเอียดในการอัพเกรดระบบของ Ethereum หรือที่รู้จักกันในชื่อ ETH2.0 ที่นักลงทุนและแฟน ๆ หลายคนต่างเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ โดยการอัพเกรดครั้งใหญ่นี้จะมุ่งเน้นแก้ปัญหาทางด้าน Scalability หรือการรองรับการทำธุรกรรมที่มากขึ้น โดยมีกำหนดการเริ่มต้นอัพเกรดในปี 2020 นี้

โดยฟังก์ชันหลัก ๆ ของ ETH2.0 จะประกอบไปด้วยการเปลี่ยนระบบอัลกอริธึมในการดูแลระบบจาก Proof-of-Work (PoW) ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันมาเป็นระบบ Proof-of-Stake (PoS) และการแบ่ง Shard บนบล็อกเชน (เปรียบเสมือเกาะเล็ก ๆ จำนวนมากที่เชื่อมต่อกันบนบล็อกเชนของ ETH) โดยจะช่วยทั้งในเรื่องความเร็ว การประหยัดพลังงาน และความสามารถในการรองรับจำนวนธุรกรรมจำนวนมากในอนาคตได้ โดยจะแบ่งออกเป็นหลาย ๆ Phase โดย Phase 0 จะแล้วเสร็จภายในปีนี้

โดย Beacon Chain ของ ETH2.0 คาดว่าจะถูกนำมาใช้งานในเดือนกรกฎาคมปีนี้ ซึ่งจะมาพร้อมกับระบบ PoS ที่เปิดให้ผู้ถือ ETH เข้ามามีส่วนได้ส่วนเสียกับการดูแลระบบ โดยต้องทำการล็อคเหรียญ ETH จำนวนหนึ่งไว้บน Smart Contract หรือที่เรียกว่าการ Staking และหากสามารถสร้างบล็อกใหม่เพื่อดูแลระบบธุรกรรมที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่มีปัญหาแล้วละก็ จะได้รับผลตอบแทนส่วนหนึ่งเป็นรางวัล

“ระบบ PoS นี้จะลดการสิ้นเปลืองของพลังงานปริมาณมหาศาลและพื้นที่จำนวนมากที่ต้องเอาไว้ใช้เป็นที่ตั้งเครื่องขุดสำหรับระบบ PoW โดยการทำ PoS นั้นเพียงแค่มีคอมพิวเตอร์แลปท็อปก็เพียงพอ โดยยังมีเป้าหมายให้มันสามารถทำงานบนอุปกรณ์อย่างโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้อีกด้วย ซึ่งนี่จะเป็นการขจัดกำแพงให้ทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนในการดูแลระบบ อันจะส่งผลให้เกิดการกระจายศูนย์ (Decentralize) มากขึ้น”

โดยนาย Collin Myers จาก Consensys หนึ่งในผู้เข้าร่วมการบรรยายได้ให้ข้อมูลว่า หลังจากติดตั้ง Phase 0 เสร็จสิ้นแล้ว ระบบ PoS จะยังไม่ทำงานโดยทันทีจนกว่าจะมีจำนวนผู้เข้าร่วมมากกว่า 16,000 ราย โดยแต่ละรายต้องมี Ethereum ขั้นต่ำจำนวน 32 ETH นั่นหมายความว่าต้องมี ETH อย่างน้อย 512,000 เหรียญถูกล็อคอยู่บนระบบเสียก่อนจึงจะเริ่มทำงานได้

และเมื่อถามถึงผลตอบแทน เขาไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนนัก โดยอ้างว่ามันจะขึ้นอยู่กับจำนวนคนและปริมาณ ETH ที่ใช้ในการ Staking ซึ่งหากมีผู้สนใจและ Stake เป็นจำนวนมาก ส่วนแบ่งของรางวัลก็จะลดน้อยลงตามลำดับ

ก่อนหน้านี้ Consensys ได้ทำการสำรวจเหล่านักลงทุน Ethereum ว่า พวกเขามีแผนจะทำอย่างไรกับเหรียญของตัวเองหลังจาก ETH2.0 ถูกปล่อยออกมาเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยผู้ร่วมตอบแบบสอบถามกว่า 60% เผยว่าพวกเขาจะนำเหรียญของตนเองไปใช้ในการ Staking และต้องการเป็นส่วนหนึ่งของผู้ดูแลระบบบล็อกเชนของ Ethereum

Leave a comment

เกี่ยวกับ SuperCryptoNews

สื่อชั้นนำด้านบล็อกเชนและคริปโตในภูมิภาคเอเชีย นำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างรอบด้านและเจาะลึก ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสิงคโปร์และประเทศไทย

สมัครรับข่าวสารจาก SCN