Douglas Rodriguez ประธานธนาคารกลางของเอลซัลวาดอร์ ออกแถลงการณ์เปิดเผยแผนการยื่นขอกู้เงินกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มูลค่า 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังมีความกังวลว่าแผนดังกล่าวจะไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากประเทศประกาศรับรองบิทคอยน์ให้เป็นเงินที่ถูกกฎหมาย
Rodriguez รายงานว่าธนาคารกลางไม่เห็นความเสี่ยงใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายบิทคอยน์ แม้ว่ากำลังเตรียมที่จะเดินหน้าขยายเงินกู้ระยะยาวจาก IMF
ในทางตรงกันข้าม ธนาคารกลางกล่าวว่ากฎหมายบิทคอยน์ของประเทศจะเป็นประโยชน์เพียงเพราะ การพุ่งขึ้นของราคาบิทคอยน์สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ 9% ขณะเดียวกัน แบงค์ชาติเอลซัลวาดอร์ยังอธิบายอีกว่า “บิทคอยน์เป็นเพียงวิธีการชำระเงินวิธีหนึ่งเท่านั้น”
ทั้งนี้ ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา พันธบัตรของเอลซัลวาดอร์ลดลงอย่างมากหลังจาก “วันบิทคอยน์” (Bitcoin Day) ซึ่งทำให้ผลลัพธ์ของข้อตกลงเงินกู้ IMF มีความสำคัญมากขึ้น
รายงานโดยธนาคารกลางระบุว่าหนี้ต่างประเทศของเอลซัลวาดอร์กำลังเพิ่มขึ้นถึง 18,450 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่ 2 ปี 2021 และเงินกู้ IMF จะเป็นโอกาสในการเข้าถึงตลาดโลกในปี 2022
ด้าน เจ้าหน้าที่ IMF ไม่สนับสนุนการตัดสินใจของเอลซัลวาดอร์ในการนำ บิทคอยน์มาใช้ โดยเรียกมันว่า “ทางลัดที่ไม่เหมาะสม” ซึ่งอาจจบลงด้วยการสะกดหายนะสำหรับประเทศ
ขณะที่ นักวิจารณ์จากภาคการเงินกระแสหลักระบุว่าความผันผวนและการฟอกเงินเป็นความเสี่ยงเชิงระบบที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกับการยอมรับ บิทคอยน์เป็นเงินที่ถูกกฎหมาย
