fbpx
Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

3 เหตุผลทำไม Binance BNB อาจเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลดาวรุ่งตัวถัดไป

BNB price rally

 

ย้อนไปเมื่อเดือนธันวาคม ปี2020 Binance BNB ทำการซื้อขายที่ราคาประมาณ 33 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น แต่มาถึงวันนี้ อัพเดทล่าสุดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ 2021 ราคาของ BNB กลับขยับเพิ่มขึ้นมาซื้อขายอยู่ที่ 125 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 278% 

ถ้าคุณคิดว่า ราคาของบิทคอยน์ที่พุ่งพรวดเป็นเรื่องที่บ้ามากๆ แล้ว ลองคิดใหม่อีกครั้ง เพราะ การขยับขึ้นของ Binance BNB พุ่งไปไกลกว่า บิทคอยน์แบบขาดลอย 

แม้ว่าหลายฝ่ายจะสามารถสาธยายถึงข้อดีและข้อบกพร่องของ Binace ออกมาได้ยาว แต่ความจริงหนึ่งที่ไม่อาจปฎิเสธได้ก็คือ ชุมชนคริปโต ส่วนใหญ่อาศัย Binance เพื่ออำนวยความสะดวกในการเทรดให้กับตนเอง โดยการปฎิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้ของ Binance ถือเป็นมาตรฐานสากลที่การแลกเปลี่ยนซื้อขาย UI (User Interface) ควรจะเป็น 

ทั้งนี้ User Interface และ User Experience (UX) ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ได้สร้างบริการอย่างเหนียวแน่นแข็งแกร่งอย่างมากในหมู่ผู้ใช้งาน ขณะที่การแข่งขันระหว่างแพล็ตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตก็ทวีความร้อนแรงมากยิ่งขึ้น

เพื่อบรรลุความสำเร็จอย่างแท้จริง และเป็นความสำเร็จที่ก่อให้เกิดกำไรมหาศาลในแง่ของปริมาณการซื้อขายรายวัน ทำให้จำเป็นต้องให้ทุกชิ้นส่วนที่ขับเคลื่อนได้รับการหล่อลื่นอย่างดี 

ข้อมูลจาก CoinMarketCap ระบุว่า ปัจจุบันปริมาณสปอตประจำวันของ Binance อยู่ที่ประมาณ 27,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าการอัตราการซื้อขายแลกเปลี่ยนของ Huobi Global หลายเท่า โดยHoubi Global มีปริมาณการซื้อขายต่อวันเพียง 7,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น

แน่นอน เราต่างทราบดีว่า ปริมาณการซื้อขายในแต่ละวันสามารถแกว่งขึ้นลงอย่างมาก อย่างไรก็ตามในรอบวงจรของตลาด  Binanceกลับสามารถรักษาจุดสูงสุดในฐานะ cryptoexchange ที่มีการซื้อขายมากที่สุดเอาไว้ได้ 

สิ่งนี้นำเราไปสู่เหตุผลแรกว่าทำไมโทเค็น Binance BNB ควรได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง

เหตุผล # 1: รายใหญ่ได้รับมากขึ้น

บรรดาเทรดเดอร์ นักลงทุน ผู้ดูแลสภาพคล่อง และผู้จัดการกองทุนต่างเห็นพ้องกันว่าสภาพคล่องเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการแลกเปลี่ยนใด ๆ ดังนั้น ยิ่งมีสภาพคล่องมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีการกระจายที่น้อยลง ทำให้ปริมาณที่สูญเสียไปจากสภาพคล่องก็จะเกิดขึ้นน้อยลงด้วย ซึ่งการที่ Binance เป็น cryptoexchange อันดับต้น ๆ ในแง่ของปริมาณการซื้อขายรายวัน ผลกระทบเครือข่ายทำให้สามารถเติบโตได้ในอัตราทบต้นเนื่องจากเหล่าผู้ค้าต่างใส่ใจกับการแลกเปลี่ยน

ความเคลื่อนไหวข้างต้นจึงเป็นเหตุผลที่อธิบายได้ว่า เหตุใดระบบ Binance จึงตกอยู่ภายใต้ความเครียดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากมีการลงชื่อสมัครใช้ของผู้ใช้มากเป็นประวัติการณ์จนทำให้ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย 

โดยตลอดปี 2020 ปริมาณการซื้อขายสปอตของ Binance ต่อวันอยู่ระหว่าง 1,000 – 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทว่าในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 ปริมาณการซื้อขายต่อวันของ Binance เพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่าแตะที่ 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา 

เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ลองเปรียบเทียบกับ Huobi Global คู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดที่ในวันเดียวกันนั้นให้ผลตอบแทน 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปริมาณการซื้อขายต่อวัน

เช่นเดียวกับหลุมดำขนาดใหญ่ที่ดูดสภาพคล่องของตลาด เราเชื่อว่า Binance จะยังคงเติบโตอย่างทวีคูณในแง่ของปริมาณการซื้อขายต่อวัน และนั่นหมายความว่ารายได้ของ บริษัท ก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณเช่นกัน

 

เหตุผล # 2: Binance Pay, Binance Smart Chain, Binance Everything

ทั้งนี้ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาถือเป็นสัปดาห์ Binance บล็อกเชน ที่แท้จริง โดย Binance เพิ่งเปิดตัวบริการ Binance Pay ไปอย่างเงียบๆ แต่ก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคใหม่ๆ ในจักรวาลแห่งการบริการ crypto ของ Binance โดยบริการด้านการชำระเงินถือเป็นปัจจัยสำคัญในภาคบริการทางการเงิน ดังนั้น ผู้ให้บริการรายใดก็ตามที่สามารถผูกขาดบริการการชำระเงินมักจะได้รับ LTV (มูลค่าตลอดอายุการใช้งาน) ของลูกค้าที่สูงขึ้นแถมอัตราการเลิกใช้ยังลดลงมาก

ยิ่งไปกว่านั้น  Binance ยังมีบริการ crypto อื่น ๆ อีกมากมาย เช่น การstaking บริการสินเชื่อ หรือแม้แต่การออก Binance Smart Chain (BSC) เพื่อแข่งขันในตลาด Ethereum โดยตามรายงานของ Binance ระบุว่า BSC ของพวกเขาเข้าถึงกิจกรรมเครือข่ายของ Ethereum ถึง 40% ภายในช่วงไตรมาสแรกที่มีการเปิดตัว 

ดังนั้นโดยรวมแล้ว บริการ Binance เหล่านี้ที่มักจะได้รับการดำเนินการอย่างดี ควรจะมีส่วนในการเพิ่ม LTV ของผู้ใช้ Binance ทุกคน ซึ่งส่วนใหญ่ก้าวเข้าสู่โลกของBinanceเพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นหลัก 

แม้ว่าการแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจ (decentralized exchanges ) อาจรุกคืบไปที่ปริมาณการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ (centralized exchanges) จากส่วนกลาง แต่ความสามารถของ CEX ในการนำเข้าสู่ตลาดคริปโต ตลอดจนบริการทางการเงินโดยรอบ อาจยืดอายุยืนให้ยืนยาวขึ้น ตลอดจนเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของ CEX ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

 

เหตุผล # 3: เศรษฐศาสตร์โทเค็น (Token Economics)

การเคลื่อนไหวของราคาโทเค็นใด ๆ ได้รับผลกระทบจากหลัการเศรษฐศาสตร์พื้นฐาน อย่าง อุปสงค์และอุปทาน หรือซัพพลายกับดีมานต์ โดยการสนับสนุนดังกล่าวในแวดวงโทเค็นจะเรียกว่า Token Economics หรือ เศรษฐศาสตร์โทเค็น 

ทั้งนี้ Binance ตั้งเป้าที่จะเบิร์น 50% ของซัพพลายของโทเค็น BNB ทั้งหมดโดยใช้ 20% ของกำไรเพื่อดำเนินการซื้อคืนจากตลาด โดยจากรายงาน Binance BNR Burn ครั้งที่ 14 ล่าสุด ทาง Binanceได้เบิร์นโทเค็น BNB ไปแล้วประมาณ 30 ล้านโทเค็น ทำให้มี BNB เหลืออยู่ที่ประมาณ 70 ล้านBNB

Binance Quarterly Burn

อย่างไรก็ตามเนื่องจากราคาของ BNB พุ่งสูงขึ้น Binance ได้ประกาศความตั้งใจที่จะเร่งอัตราการเบิร์นโทเค็น นับเป็นการกระทำที่สมเหตุสมผล เพราะจะทำให้ต้นทุนการซื้อคืนอยู่ในระดับต่ำต่อไป โดยการเบิร์น BNB ครั้งที่ 14 ล่าสุดมีค่าใช้จ่าย Binance เฉลี่ย 45 ดอลลาร์สหรัฐต่อ BNB 

จากช่วงราคาปัจจุบันอยู่ที่ระหว่าง 120-130 ดอลลาร์สหรัฐฯ Binance มีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า ทว่า ค่าใช้จ่ายดังกล่าวมีแนวโน้มจะหักล้างได้อย่างง่ายดายจากรายได้ที่มาจากการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ

ทั้งนี้ Binance ถือเป็นองค์กรที่สร้างรายได้มหาศาล ดังนั้น ดูเหมือนกว่า การเร่งการเบิร์นโทเค็นจะทำให้อัตราการเบิร์นปรับตัวเร็วขึ้นในอนาคตอันใกล้แทนที่จะเสี่ยงกับการใช้จ่ายมากขึ้นในขณะที่ตลาดสกุลเงินดิจิทับทั่วไปได้รับการประเมินมูลค่าและมูลค่าตลาดสูงขึ้น

 

 

 

Leave a comment

เกี่ยวกับ SuperCryptoNews

สื่อชั้นนำด้านบล็อกเชนและคริปโตในภูมิภาคเอเชีย นำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างรอบด้านและเจาะลึก ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสิงคโปร์และประเทศไทย

สมัครรับข่าวสารจาก SCN