• บิทคอยน์ขยับปรับลดหลังจากพุ่งสูงขึ้นเมื่อเทสลาประกาศเข้ามาลงทุนในบิทคอยน์มูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
• บรรดาธนาคารกลางทั่วโลกต่างให้ความสนใจในบิทคอยน์มากขึ้นในห้วงเวลานี้ที่บิทคอยน์กำลังก่อภัยคุกคามต่ออำนาจและอิทธิพลของสกุลเงินภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารกลาง

ราคาของบิทคอยน์เริ่มขยับปรับลดลงแล้วหลังเทสลาเข้ามาลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลดังกล่าวมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของงบดุลของบริษัท

ทั้งนี้ การที่ผู้ผลิตยานยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกทุ่มลงทุนในบิทคอยน์ ทำให้สกุลเงินดิจิทัลพุ่งสูงถึง 48,000 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนที่จะมีการปรับตัวลดลงในปัจจุบันซึ่งลงมาอยู่ที่่ 44,000 ดอลลาร์สหรัฐในวันนี้ในตลาดเอเชีย และขณะที่ บิทคอยน์กำลังได้รับความสนใจในหมู่นักลงทุนรายใหญ่ อีลอน มัสก์ก็ถือเป็นรายล่าสุด และทำให้เกิดความผันผวนซึ่งเป็นคุณสมบัติสามัญของสกุลเงินดิจิทัลนี้ 

ความเคลื่อนไหวที่ราคาบิทคอยน์พุ่งสูงขึ้นข้างต้นเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางแคนาดาว่าเป็น “ความบ้าคลั่งในการเก็งกำไร” พร้อมยังตั้งข้อสังเกตว่าสินทรัพย์ดังกล่าวไม่มีคุณสมบัติที่จะกลายเป็นเงินแห่งอนาคต

ในการขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ออนไลน์ที่สถาบัน Institute for Data Valorisation รองประธานธนาคารกลางแห่งแคนาดา Timothy Lane กล่าวว่า ต้นทุนการตรวจสอบที่มีราคาแพงบวกกับกำลังซื้อที่ไม่แน่นอนทำให้สกุลเงินดิจิทัลเป็นวิธีการชำระเงินที่มีข้อบกพร่อง 

ส่วนต่อความเห็นสนับสนุน Dogecoin ของ อีลอน์ มักส์ Lane กล่าวว่า 

“ ราคา (สกุลเงินดิจิทัล) ที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ดูไม่เหมือนเป็นกระแสนิยมแต่เป็นเหมือนความบ้าคลั่งในการเก็งกำไร ซึ่งเป็นบรรยากาศที่เพียงข้อความทวีตจากบุคคลที่มีชื่อเสียงออกมาสนับสนุนนิดหน่อยเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ราคาสกุลเงินดิจิทัลพุ่งขึ้นอย่างกะทันหันได้”

 

ความคิดเห็นล่าสุดของ Lane ข้างต้น เน้นย้ำให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจังที่บรรดาผู้กำหนดนโยบายกำลังตรวจสอบคริปโตเคอเรนซีในขณะนี้หลังมีการเข้ามาเก็งกำไรในตลาดที่ไม่มีการควบคุมเหล่านี้มากขึ้น 

กระทั่งเมื่อเดือนที่แล้ว คริสทีน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางแห่งยุโรป (อีซีบี) ที่ค่อนข้างเปิดกว้างยอมรับคริปโตเคอร์เรนซีก็ยัง

มุ่งเป้าไปที่บทบาทของบิทคอยน์ที่มีส่วนอำนวยความสะดวกให้กับกิจกรรมผิดกฎหมาย โดยกล่าวว่าสกุลเงินดิจิทัลทำให้เกิด “ธุรกิจแผลงๆ “

แน่นอนว่า ในกรณีที่คริปโตเคอร์เรนซีมีมูลค่าตลาดต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ การที่เจ้าหน้าที่และผู้กำหนดนโยบายระดับสูงจะเพิกเฉยต่อสกุลเงินดิจิทัลและหยิบยกมาเป็นหัวข้อสนทนาเล่นระหว่างการประชุมหรืองานเลี้ยงย่อมไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็น 

ทว่า ท่าทีดังกล่าวก็ไม่อาจนิ่งนอนใจได้อีกต่อไป เมื่อนักลงทุนและบริษัทที่มีชื่อเสียงชั้นนำหลายรายได้เพิ่มสัดส่วนพอร์ตการลทุนของตนในบิทคอยน์มากขึ้น และใช้สกุลเงินดิจิทัลนี้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ ทำให้แนวทางการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลที่จำกัดอยู่แค่เรื่องของการเก็งกำไร กลายไปเป็นภัยคุกคามที่สามารถเกิดขึ้นได้จริงต่อสกุลเงินของธนาคารกลางและระบบการเงินแบบผูกขาดของธนาคารกลางเหล่านี้ 

ในความเห็นของ Lane การที่นักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเข้ามาลงทุนในบิทคอยน์  เนื่องจากความกังวลว่านโยบายการเงินที่เข้ามาแทรกแซงระบบการเงินของธนาคารกลางอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ เป็นคนละเรื่องกับการที่มีนักลงทุนรายใหญ่เข้ามามีส่วนร่วมและพาให้คนอื่นๆ ทำตาม จนทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่เพิ่งออกมาใหม่นี้กลายเป็นภัยคุกคามที่มีอยู่จริง 

“ มีเพียงธนาคารกลางเท่านั้นที่สามารถรับประกันความปลอดภัยอย่างสมบูรณ์และการเข้าถึงแบบสากลและด้วยผลประโยชน์สาธารณะไม่ใช่ผลกำไรเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด”

 

ซึ่งบางครั้งก็อย่างน้อยในตอนนี้ แต่สำหรับอนาคตดูเหมือนว่า ความคิดที่ว่านี้เริ่มจะไม่แน่นอนมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว 

 

PATRIC TAN, SCN CONTRIBUTOR

CEO ของ Novum Alpha บริษัทซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำด้วยเครื่องมือ Dee Learning Tools ที่สามารถสร้างผลตอบแทนในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐในทุกสภาพเงื่อนไขตลาด

 

SOURCE 

https://www.supercryptonews.com/bitcoin-pullback-after-tesla/