fbpx
Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

Morgan Stanley สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ระดับโลก ประกาศเข้าซื้อกิจการ E*Trade Financial Group มูลค่ากว่า 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Morgan Stanley ประกาศ เข้าซื้อกิจการ E*Trade Financial Group แพลตฟอร์มให้บริการซื้อขายตราสารทางการเงินหลากหลายประเภท อาทิ หุ้น กองทุน ตราสารอนุพันธ์ และตราสารหนี้ 

โดยข้อตกลงการซื้อกิจการ E*Trade Financial Group ในครั้งนี้มีมูลค่ากว่า 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นดีลการควบรวมกิจการที่ใหญ่ที่สุดของ Morgan Stanley นับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจในปี 2008 ซึ่ง Wall Street Journal รายงานในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ ระบุว่า E*Trade Financial Group มีลูกค้ากว่า 5 ล้านราย มีสินทรัพย์รวมกว่า 3.6 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 

E*Trade Financial Group ก่อตั้งมานานกว่า 38 ปี และมีพนักงานมากกว่า 4,000 คน ล่าสุด มีรายได้มากกว่า 2.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีกำไรมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือได้ว่าเป็นผลประกอบการที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

ในการเข้าซื้อกิจการ E*Trade ครั้งนี้ ทาง Morgan Stanley จะได้รับลูกค้าระดับองค์กรกว่า 4,000 ราย ที่ดูแลหุ้นของพนักงานมูลค่ากว่า 5.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะเดียวกัน Michael Pizzi ซีอีโอของ E*Trade จะยังคงดำรงตำแหน่งเดิมต่อไป และบริษัทจะยังคงรักษาแบรนด์ E*Trade บนหน้าร้านค้าและแคมเปญโฆษณาไว้เช่นเดิม

ในช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมา E*Trade ประกาศแผนการที่จะเริ่มให้บริการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลบนแพลตฟอร์มของ E*Trade โดยในตอนนั้นได้เริ่มจาก Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเงินดิจิทัลสกุลอื่นๆ อีกหลายตัว

สำหรับทางด้าน Morgan Stanley นั้นพร้อมที่จะเปิดตัวสัญญาในการซื้อขายแลกเปลี่ยน Bitcoin futures ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2018 ที่ผ่านมา แต่บริษัทไม่ได้รับ single contract ภายในสิ้นปี อย่างไรก็ตาม Morgan Stanley พร้อมที่จะเปิดให้บริการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลทันทีที่มีสัญญาณของความต้องการจากตลาด 

ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วงปลายปี 2018 ที่ผ่านมา มูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลได้ปรับตัวลดลงอย่างหนัก ทำให้ Morgan Stanley ประกาศเลื่อนแผนการที่จะเข้าสู่อุตสาหกรรมเงินดิจิทัลออกไป

ล่าสุด อดีตผู้พัฒนาหลักของ Morgan Stanley 8 ราย ได้ร่วมมือกันสร้าง Phemex แพลตฟอร์มตัวใหม่ที่ให้บริการการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ของสกุลเงินดิจิทัล ในสิงคโปร์ โดยทางด้านนักพัฒนาบอกว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวนี้จะเร็วกว่าแพลตฟอร์มการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลแบบดั้งเดิมทั่วไปมากถึง 10 เท่า ขณะที่ นักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันสามารถใช้อัตราทด (leverage) ในสัญญา BTC, ETH และ XRP ได้มากถึง 100 เท่า 

การเข้าซื้อกิจการ E*Trade ของ Morgan Stanley นั้น หลายฝ่ายมองว่า เนื่องจากในตอนนี้วงการสถาบันการเงิน การธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์มีการแข่งกันอย่างรุนแรง ทำให้สถาบันการเงินหลายแห่งในสหรัฐฯ เริ่มปรับลดค่าธรรมเนียมการเทรดลง ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดต่ำลง ทำให้อัตราทำกำไรของธนาคารลดลงตามไปด้วย ทำให้ทาง Morgan Stanley เริ่มหันมารุกธุรกิจการบริหารความมั่งคั่งให้กับลูกค้ามากขึ้น ซึ่ง E*Trade นั้นก็ถือเป็นโอกาสหนึ่งของ Morgan Stanley ในการต่อยอดธุรกิจด้านบริหารความมั่งคั่งให้ครบวงจรมากขึ้น และเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ของ Morgan Stanley ให้เติบโตขึ้นอีกด้วย

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง: “ไมเคิล บลูมเบิร์ก” ลั่นจะออกนโยบายเอาใจนักลงทุนคริปโตฯ หากได้เป็น ปธน.

Leave a comment

เกี่ยวกับ SuperCryptoNews

สื่อชั้นนำด้านบล็อกเชนและคริปโตในภูมิภาคเอเชีย นำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างรอบด้านและเจาะลึก ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสิงคโปร์และประเทศไทย

สมัครรับข่าวสารจาก SCN