ถ้าพูดถึงเงินดิจิทัลที่มีการใช้งานโดยสถาบันการเงินดั้งเดิมมากที่สุดน่าจะเป็น Ripple หรือ XRP ซึ่งเป็นเหรียญที่มีแฟนคลับทั่วโลกอยู่ไม่น้อย และทุกคนคาดหวังว่ามันจะสร้างผลตอบแทนให้เสียที เรามาวิเคราะห์กันดูว่าเงินดิจิทัลมาร์เกตแคปอันดับสามนี้จะมีทิศทางอย่างไร
ข้อดีและจุดเด่นของXRP
1. ข้อดีหลัก ๆ ของ XRP ก็คือความรวดเร็วในการโอนเงินไปยังต่างประเทศระหว่างธนาคาร รวมถึงค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าการโอนเงินด้วยสกุลเงินอื่น ๆ นอกจากนี้ การโอนเงินด้วย XRP ยังช่วยลดความเสี่ยงที่สามารถเกิดขึ้นในการ Settle เงินผ่านเอเยนต์หรือตัวกลางได้อีกด้วย อย่างเช่น ในกรณีที่เอเยนต์หรือตัวกลางล้มละลาย ก็อาจจะทำให้เงินที่โอนสูญหายได้
2. จำนวน XRP จะลดลงเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่มีการใช้ XRP เนื่องจากเหรียญจำนวนหนึ่งจะถูกหักเป็นค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหรือ Transaction Fee ในทุกครั้งที่มีการใช้งาน และเหรียญ XRP นั้นไม่สามารถขุดให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นได้อีกแล้ว
เพราะฉะนั้นจำนวน XRP ที่ลดลงเรื่อย ๆ จะทำให้มูลค่าเหรียญ XRP ในระยะยาวสูงขึ้น เนื่องจาก Supply ลดลง แต่ปริมาณการใช้เหรียญ XRP จะต้องเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นเท่านั้น
3. มูลค่าของเหรียญ XRP จะเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับปริมาณเงินที่โอนระหว่างธนาคารที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ในปัจจุบันมูลค่าตลาดโดยรวมของ XRP ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ที่มีมูลค่าสูงถึงกว่า 5.7 ล้านล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 190 ล้านล้านบาทต่อวัน
ปัจจุบัน XRP ยังเพียงพอต่อการโอนเงินระหว่างธนาคาร แต่ถ้าหากในอนาคตธนาคารต่าง ๆ เริ่มหันมาใช้ XRP ในการโอนเงินผ่านทาง Ripple Network มากขึ้น ก็อาจทำให้มูลค่าต่อเหรียญของ XRP สูงขึ้นตามความต้องการและมูลค่าการโอนเงิน
4. มีธนาคารพาร์ทเนอร์มากมาย โดยในปัจจุบันมีธนาคารหลายแห่งทั่วโลกที่ได้เข้าร่วมทดสอบ Ripple Protocol แล้ว รวมถึงธนาคารไทยพานิชย์ของไทยเองก็ได้ร่วมทดสอบการโอนเงินกับทางประเทศญี่ปุ่นผ่านทางเทคโนโลยีนี้ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งในอนาคตหากเหล่าธนาคารยักษ์ใหญ่เริ่มหันมาใช้ Ripple Protocol มากขึ้น ธนาคารอื่น ๆ ก็จะเริ่มหันมาใช้งาน XRP ตามมากขึ้นเช่นเดียวกัน
ความเสี่ยงของ XRP
1. ถึงแม้ว่าการที่ปริมาณการใช้งาน XRP ที่เพิ่มขึ้นและจำนวนของ XRP ที่ลดลงเรื่อย ๆ เมื่อมีการใช้งาน จะทำให้มูลค่าต่อเหรียญของ XRP เพิ่มขึ้น แต่ในปัจจุบัน ปริมาณ XRP ในตลาดที่มีการซื้อขายกันนั้นมีปริมาณไม่ถึง 30-40% ของจำนวนทั้งหมด ซึ่งทาง Ripple ยังถือครอบครอง XRP ไว้มากกว่า 60%
เพราะฉะนั้น เมื่อมีการใช้งานมากขึ้น เหรียญ XRP ที่ยังอยู่กับทางบริษัท Ripple จะค่อย ๆ ถูกปล่อยออกมา ทำให้ปริมาณเหรียญ XRP ในตลาดเพิ่มมากขึ้น อันอาจจะส่งผลกระทบต่อราคาตลาดได้ในที่สุด
2. การแข่งขันกับทาง Swift ที่ดุเดือดมากขึ้น โดย Ripple นั้นต้องการที่จะใช้งาน XRP เพื่อกำจัด Nostro Account หรือบัญชีที่ใช้เก็บสกุลเงินอื่น ขณะที่ Swift เริ่มหันมาสนใจและเตรียมทดสอบเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบเดิมที่มีอยู่ทำงานให้ดีขึ้น
นี่จึงเป็นเหมือนการต่อสู้กันระหว่างระบบเดิมอย่าง Swift และผู้มาใหม่อย่าง XRP ที่ต้องรอติดตามกันว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะในระยะยาว
วิเคราะห์ทางเทคนิค
XRP มีทิศทางขาลงมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2561 โดยที่ไม่สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้เลย ล่าสุดหลังการเทขายอย่างหนัก ราคาลงมาทำนิวโลว์ที่ระดับ 0.113 เหรียญก่อนจะเริ่มมีการฟื้นตัว ราคานี้จึงกลายเป็นแนวรับสำคัญใหม่
ในเชิงเทคนิค XRP ควรจะต้องยืนเหนือระดับ 0.200 เหรียญให้ได้ ถึงจะเรียกว่าสามารถฟื้นตัวจากขาลงในระยะสั้นได้บ้างแล้ว และควรจะไปทำ Higher High และทะลุเหนือเส้นแนวต้านระยะยาวที่บริเวณ 0.3 – 0.35 เพื่อกลับตัวเป็นขาขึ้นครั้งใหม่
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : ทำความรู้จักกับเหรียญ XRP และ Ripple
